ขึ้นเครื่องบิน ห้ามอะไรบ้าง หลัง ตำรวจเตือน โพสต์รูปตั๋วเครื่องบิน ตลอดจน เอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เสี่ยงโดนล้วงข้อมูลส่วนตัว ไม่รู้ตัว พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตือนประชาชนให้รู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและได้กำชับให้ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และเนื่องด้วยปัจจุบัน สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตประจำวันและออกเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น และบางส่วนได้โพสต์ภาพของเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เช่น ตั๋วเครื่องบินและหนังสือเดินทาง ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ อีกทั้งยังมีการเก็บข้อมูลบางส่วนไว้ในรูปแบบของ QR Code หรือ Bar Code อีกด้วย
การโพสต์ภาพเอกสารเดินทางดังกล่าว
อาจทำให้มิจฉาชีพสามารถขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเดินทางไปใช้ในการกระทำผิด แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งอาจทำให้บุคคลที่เป็นเจ้าของเอกสารได้รับความเสียหาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้พี่น้องประชาชน ระมัดระวังในการโพสต์ภาพของเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางในสื่อสังคมออนไลน์ โดยควรปกปิดข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏอยู่บนเอกสาร
หากประชาชนได้รับความเสียหาย หรือพบเห็นการถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ กรุณาแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน นายไชย์พล กล่าวว่า ขอบคุณ กมธ.กฎหมายฯ ที่ได้รับเรื่อง ตนอยากให้ กมธ.กฎหมายฯ ทำงานอย่างรอบคอบ ตรงไปตรงมา เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ทุกคนได้รับความยุติธรรม ยืนยันว่า พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เชื่อว่า ประชาชนคนไทยทุกคนต้องการความยุติธรรมและความเสมอภาค ส่วนที่ประชาชนมองว่าเราเป็นคนร้ายไปแล้วนั้น การดูสื่อ ต้องทำอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ ตนได้อ่านคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย แต่เลือกที่จะอ่านผ่านๆ เพราะทุกคนสามารถแสดงความเห็นได้ แต่ขอให้ยืนอยู่บนความถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม นายษิทรา และ นายไชย์พล เดินทางมาล่าช้ากว่ากำหนด 3 ชั่วโมง เนื่องจากตามกำหนดการเดิม ในเวลา 10.00 น. แต่ภายหลังได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รับประทานอาหารที่จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงเดินทางมายังรัฐสภา โดยทางทนายความชี้แจงว่า ได้ติดต่อมาเลื่อนนัดกับนายสิระแล้ว โดยมีตำรวจรัฐสภาขับรถกอล์ฟจากหน้าอาคารรัฐสภามาส่งยังบริเวณสถานที่แถลงข่าว
ศาลยกฟ้อง ‘คุณหญิงกอแก้ว’ กรณีปลอมเอกสารปลอมโอนหุ้น 2 หมื่นล้าน
ศาลอาญา ยกฟ้อง คุณหญิงกอแก้ว คดีปลอมเอกสารปลอมโอนหุ้น 2 หมื่นล้าน ชี้หลักฐานไม่พอ รวมถึงผูเชี่ยวชาญระบุว่าไม่ใช่เอกสารปลอม ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ได้อ่านคำพิพากษา คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ, นายณพ ณรงค์เดช บุตรชายคนกลาง และนายสุทัศน์ จิรจรัสพร หรือ จำเลย 1-3 จากคดีร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม หมายเลขดำ อ. 2497/2561 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ยึดตามศาลชั้นต้นที่ก่อนหน้านี้ ไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีไม่มีมูลเพียงพอ ให้ยกฟ้อง
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ที่ปรึกษากฎหมายคดีนี้ กล่าวถึงเหตุผลที่ศาลยกฟ้องว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมา ยังไม่สามารถรับฟังได้ว่า เอกสารดังกล่าว เป็นเอกสารปลอม นอกจากนี้ ศาลยังได้วินิจฉัยอีกว่า การลงทุนซื้อหุ้นวินด์ฯ จากผู้ถือหุ้นเดิมนั้น นายณพ เป็นผู้ดำเนินการและเป็นผู้รับผิดชอบชำระค่าหุ้นด้วยตนเอง โดยครอบครัวณรงค์เดชไม่ได้มีส่วนร่วมในการลงทุน และไม่ได้มีการนำเครดิตของครอบครัวณรงค์เดช มาใช้ประกอบการขอสินเชื่อจากธนาคารแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า นายเกษมเป็นผู้ลงลายมือชื่อในเอกสารต่าง ๆ ด้วยตนเองจำนวนหลายฉบับ ดังนั้นพยานหลักฐานโจทก์จึงไม่พอรับฟังได้ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง
นอกจากนี้ศาลยังให้เหตุผลอีกว่า เอกสารที่นายเกษม ณรงค์เดช อ้างว่ามีการปลอมนั้น เอกสารดังกล่าวได้เคยถูกส่งไปตรวจสอบมาก่อนในคดีที่คุณหญิงกอแก้ว แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.คลองตันว่า นายเกษม ยักยอกหุ้นของคุณหญิงกอแก้วไป ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ได้ให้ความเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอมแต่อย่างใด
ที่สำคัญจำเลยทั้งสามก็มีผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานศาลยุติธรรมมาเบิกความเป็นพยานยืนยันว่า ผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวได้ตรวจสอบลายมือชื่อนายเกษม แล้วลงความเห็นว่า ไม่ใช่ลายมือชื่อปลอม นอกจากนี้ จำเลยทั้งสามยังมีที่ปรึกษากฎหมายมาเบิกความเป็นพยานยืนยันอีกว่า ทนายความเป็นผู้จัดทำเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท วินด์เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด และนายเกษมต้องลงชื่อในเอกสารดังกล่าวหลายฉบับ ซึ่งข้อเท็จจริงดังกล่าวสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่นายเกษมเอง ได้ยอมรับว่า ตนเองได้ลงลายมือชื่อในเอกสารเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท วินด์ฯจำนวนหลายฉบับ
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายเกษม ณรงค์เดช ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่องหล่อ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และพวก ในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารปลอม สืบเนื่องจากกรณีพิพาทคดีหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง จำกัด ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2561 ซึ่งตรวจสอบพบว่า มีการปลอมลายเซ็นต์ในสัญญาแต่งตั้งตัวแทนที่อ้างว่าได้ร่วมกันทำขึ้นระหว่างนายเกษม กับคุณหญิงกอแก้ว และเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นบริษัทวินด์เอนเนอร์ยี่โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นของปลอม
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป