แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุยกับ สรยุทธ ผู้ประกาศข่าว เผย มิจฉาชีพจำใจต้องทำเพราะค้างเงินอยู่ จำเสียงได้ เปลือยชีวิตหมดเปลือก ตอนนี้ไม่น่ามีคนเชื่อแล้ว สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวคนดัง ออกมาเล่าข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ล่าสุด ผ่าน รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 โดยในรายการผู้ประกาศข่างคนดัง ได้มีการเล่านาทีที่ตัวเองได้โอกาสพูดคุยกับกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว หลังจากที่จัดรายการข่าวเสร็จ วานนี้ (27 มี.ค.65) แล้วทีมงานดันรับสายแล้วส่งต่อมาให้ผู้ประกาศคนดังช่วยพูดคุยให้
เมื่อ สรยุทธ ได้คุย แก๊งคอลเซ็นเตอร์จำเสียงได้จึงได้มีการารสอบถาม ความเป็นมาเป็นไป
ปลายสายตอบกลับมาว่าอยู่กันตรงนั้นหลายคน มีข้อบังคับว่า ‘ต้องโทร’ โดนบังคับให้ทำ วันๆหนึ่งต้องคุยกับเหยื่อ ไม่สำเร็จก็แค่คุยแล้วตัดสายทิ้งไปก้ได้ จะได้ถือว่าได้ทำหน้าที่ในการโทรหาคนเสร็จแล้ว ซึ่งมิจฉาชีพปลายสายที่คุยกับสรยุทธก็เปิดใจ ยกตัวอย่งาตัวเธอเองวันหนึ่งต้องโทรไปหลอกเหยื่อ วันละ 400 สาย
นอกจากนี้ มิจฉาชีพคนดังกล่าว ยังเล่าถึงเรื่องราวที่เธอต้องเชผญิด้วยว่า เดี๋ยวนี้ไม่มีใครหลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว บางวันมีคนหลงกลโอนเงินให้แค่หลักพัน หลักร้อย ตนก็ไม่อยากทำ แต่ต้องทำเพราะค้างเงินอยู่ 15,000 บาท เป็นค่าลาออก โดยที่เข้ามาทำคอลเซ็นเตอร์นี้เพราะ ตอนแรกคิดว่า สมัครมาทำงานแอดมินออนไลน์เว็บพนัน ไม่ได้คิดว่าจะได้ทำเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
บางช่วงเมื่อผู้ประกาศข่าว ย้ำเตือนว่าอย่าไปหลอกคนอื่นอีก พร้อมกับบอกว่าได้คุยกับตนแล้วจำไดด้ใช่ไหม แแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปลายสายก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงคล้ายคนกำลังร้องไห้
“จำได้ค่ะ จะร้องไห้ อยากกลับบ้าน ขอบคุณมากนะคะที่รับฟัง” คำตอบบางช่วงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ได้โอกาสเปิดใจพูดคุยกับ สรยุทธ
‘ชมรมแพทย์ชนบท’ เผย ฟาวิพิราเวียร์ขาดแคลน ดัก รบ. อย่าบอกว่าพอ
ชมรมแพทย์ชนบท เผย ฟาวิพิราเวียร์ขาดแคลน หนัก พร้อมดักคอรัฐบาลอย่าบอกว่าพอ ให้รับตามตรงแล้วจะได้แก้ปัญหาไปด้วยกัน เพจเฟซบุ๊ก ชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ออกมาเปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ในขณะนี้ยาฟาวิพิราเวียร์ขาดแคลนอย่างหนัก พร้อมวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลว่าให้ข้อมูลข่าวสารไม่แน่ชัดอีกด้วย
โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “ฟาวิพิราเวียร์ที่ขาดหนัก ยังไม่เท่าความอึมครึมของข่าวสาร
“ทำไมหมอไม่ให้ยาฟาวิ ยายผม 60 ปีแล้ว มีเบาหวานด้วย”
“ช่วงนี้ยาฟาวิมีน้อยมาก หมอขอสงวนไว้สำหรับคนที่หนักจริงๆนะ”
“โรงพยาบาลห่วยๆ ยาฟาวิก็ยังไม่มี ”
“มันไม่มียาจริงๆ กินฟ้าทะลายโจรไปก่อน ได้ผลเหมือนกัน หากไม่ดีขึ้นมาโรงพยาบาลได้ตลอด”
“ถ้ายายผมพี่ผมเป็นอะไรไป หมอต้องรับผิดชอบ”
นี่คือสถานการณ์จริงหน้างาน สืบเนื่องจากความคาดหวังของผู้ป่วยและญาติกับฟาวิพิราเวียร์ที่ขาดแคลนหนัก สถานการณ์ฟาวิพิราเวียร์ที่ขาดหนักทั้งประเทศ ยังไม่ดีขึ้นนับตั้งแต่ที่ชมรมแพทย์ชนบทออกมาบ่นดังๆเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 และผู้ใหญ่ผู้โตพูดออกสื่อว่า “ไม่จริง ยามีเพียงพอ” แต่ความจริงถ้าลองถามโรงพยาบาลต่างๆดู จะพบมาช่วงเดือนสองเดือนนี้ ฟาวิมีใช้อย่างจำกัดจำเขี่ย แม้จ่ายยาตามแนวปฏิบัติของกรมการแพทย์ที่ใช้จ่ายเฉพาะคนอายุ 60ปีขึ้นไปก็ยังไม่พออย่างยิ่ง ขาดหนักจนบางพื้นที่ให้เฉพาะคนที่มีภาวะปอดบวมเท่านั้น
ฟาวิพิราเวียร์เป็นยาต้านไวรัส ลดการแบ่งตัวของไวรัส งานวิจัยของศิริราชชัดเจนว่า การทานฟาวิเร็วภายใน 2 วันแรกของการเจ็บป่วย จะช่วยให้โอกาสที่อาการจะหนักลดลง ดังนั้นยาฟาวิหากจะให้ได้ผลดี ต้องทานให้เร็ว การมียาเพียงพอจึงจำเป็น
ฟาวิพอไม่พอ ขอให้ สธ.แถลงแบบลงรายละเอียดว่า เหตุที่ฟาวิจึงขาดหนัก การนำเข้าเคมีภัณฑ์สะดุดหรือ องค์การเภสัชผลิตปั๊มเม็ดยาได้สัปดาห์ละกี่เม็ด คงที่ไหม ราคาผลิตเองเม็ดละเท่าไหร่ ข่าวที่ว่าองค์การเภสัชจะเลิกผลิตโดยจะนำเข้าอย่างเดียวจริงไหม ทำไม ขณะนี้นำเข้ามาสัปดาห์ละกี่เม็ด ราคาเม็ดละเท่าไหร่ รวมๆแล้วแต่ละสัปดาห์จะมีฟาวิให้กระจายได้กี่เม็ด จะกระจายอย่างไร เป็นต้น
การขาดแคลนฟาวิพินาเวียร์เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมกระทรวงสาธารณสุขไม่ออกมาบอกความจริงกับสังคมและโรงพยาบาลต่างๆ และร่วมวางแผนกันให้เปิดเผย สิ่งที่ทุกโรงพยาบาลอยากรู้คือ จะได้รับจัดสรรครั้งละประมาณกี่เม็ดและหลังรับจัดสรรแล้วอีกกี่วันจึงจะได้มาอีก จะได้บริหารยาให้เหมาะสมกับจำนวนยาที่มี
ความยากของแพทย์และบุคลากรสุขภาพในปัจจุบันคือ ไม่รู้เลยว่ายาฟาวิที่เหลืออยู่ในมือสมมุติว่า มีเหลือ 2000 เม็ด ซึ่งใช้ได้ 40 คน อีกกี่วันจึงจะได้มาเติม จะได้บริหารยาให้ดีที่สุดในท่ามกลางความขาดแคลน